วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สมาชิกวง Wonder Girl's


ชื่อในวงการ : ซอนเย (หัวหน้าวง)
ชื่อจริง : มิน ซอนเย
ชื่อเล่น : Leader, มิน จุกกิ
วันเกิด : 12 สิงหาคม พ.ศ. 2532
การศึกษา :มหาวิทยาลัยดงกุก
ส่วนสูง : 160 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 46 กิโลกรัม
ตำแหน่ง : หัวหน้าวง, นักร้องเสียงหลัก
ระยะเวลาการฝึกซ้อม : 5 ปี
เปิดตัว : 2001 SBS's 99% 도전! 영재선정 ( โชว์แสดงความสามารถพิเศษ )
หมู่เลือด : เอ
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง, ออกแบบท่าเต้นแบบ Poppin'และ Street, ภาษาจีน
ศิลปินที่ชื่อชอบ : บียอนเซ่, Yiruma
สีที่ชอบ : น้ำเงิน , ฟ้า
ขนาดเอว : 24 นิ้ว
ขนาดเท้า : 230
หมายเหตุ: ซอนเย ยูบิน และแทยอน (Girls' Generation) เป็นเพื่อนสนิทกัน
 ชื่อในวงการ : เยอึน
ชื่อจริง : พาร์ค เยอึน
ชื่อเล่น : พาร์ค ยอซา (เถ้าแก่เนี้ย,เจ๊ปาร์ค) ,มาดามพาร์ค ,พาร์คฮอลเลง
วันเกิด : 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2532
การศึกษา: มหาวิทยลัยคยองฮี
ส่วนสูง : 165 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 47 กิโลกรัม
หมู่เลือด : เอบี
ตำแหน่ง : นักร้องเสียงหลัก
งานอดิเรก : เล่นดนตรี,ฟังเพลง , อ่านหนังสือ , อ่านคัมภีร์​ไบเบิล
ศิลปินที่ชื่นชอบ : Lauryn hill, อารีธา แฟรงคลิน, So Hyang
สีที่ชอบ : เขียว
ขนาดเอว : 24.5 นิ้ว
ขนาดเท้า : 240 mm
นิสัย : เป็นคนร่าเริง คุยเก่ง
 ชื่อในวงการ : โซฮี
ชื่อจริง : อัน โซฮี
ชื่อเล่น : Mandu (Dumpling),ซาลาเปาน้อย,เปาเปา,กระรอกน้อย,โซโซ
วันเกิด : 27 มิถุนายน พ.ศ. 2535
การศึกษา :โรงเรียนสตรีชองมุน
ส่วนสูง : 163 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 43 กิโลกรัม
หมู่เลือด : เอบี
ตำแหน่ง : นักร้องสนับสนุน, นักเต้นหลัก
ระยะเวลาการฝึกซ้อม : 1 ปี 6 เดิอน
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง, ออกแบบท่าเต้นแบบ Poppin'และ Street, การแสดง, ภาษาจีน
ศิลปินที่ชื่นชอบ : บียอนเซ่, อลิเชีย คียส์, เรน, Im Jeong Hee
สีที่ชอบ : ชมพู
ขนาดเอว : 23 นิ้ว
ขนาดเท้า : 230 mm
 

ชื่อในวงการ : ยูบิน
ชื่อจริง : คิม ยูบิน
ชื่อเล่น : ยูบินฮยอง (Yubin oppa)
วันเกิด : 4 ตุลาคม พ.ศ. 2531
การศึกษา: มหาวิทยาลัยมยอนจี
ส่วนสูง : 163 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 45 กิโลกรัม
หมู่เลือด : โอ
งานอดิเรก : ฟังเพลง , สะสมซีดี
ตำแหน่ง : แร็ปเปอร์, นักร้องสนับสนุน
ระยะเวลาการฝึกซ้อม : 2 ปี
ความสามารถพิเศษ : ฮิพฮอพ , แร๊ป
ศิลปินที่ชื่นชอบ : ปาร์ก จินยัง, Eve, Lauryn Hill
สีที่ชอบ : แดง
ขนาดเอว : 24 นิ้ว
ขนาดเท้า : 230 mm
คิมยูบินเคยเป็นศิลปินฝึกหัดของ Good Entertainment(ต้นสังกัดของ shinhwa) มาก่อนและเป็นคนที่อายุมากที่สุดในวง
ยูบิน เป็นสมาชิกใหม่แทน ฮยอนอา
ยูบิน,ฮโยซอง (secret),ยูอี (after school) และจีน่า เป็นเพื่อนสนิทกัน


 

ชื่อในวงการ : ฮเยริม
ชื่อจริง : อู เฮริม
ชื่อเล่น : แอปเปิ้ลน้อย (Little Apple)
วันเกิด : 1 กันยายน พ.ศ. 2535
ส่วนสูง : 167 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 49 กิโลกรัม
หมู่เลือด : โอ
งานอดิเรก : ฟังเพลง , ดูหนัง , อ่านหนังสือ , ท่องเที่ยว
ตำแหน่ง : นักร้องเสริม
ศิลปินที่ชื่นชอบ : BoA
สีที่ชอบ : ชมพู
ขนาดเท้า : 240 mm
ฮเยริม เป็นสมาชิกใหม่ที่มาทำหน้าที่แทนซอนมีชั่วคราว ซึ่งพักงานเพื่อเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัย



วันพุธที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Wonder Girl's

   

     วันเดอร์เกิลส์ (Wonder Girls) เป็นกลุ่มวงดนตรีหญิงที่ได้รับความนิยมมากทั้งในประเทศเกาหลีใต้และประเทศไทยเพราะมีแนวเพลงที่หลากหลาย มีเพลงที่ได้รับความนิยมทั่วทั้งเอเชียอย่างเช่น เพลง Irony, Tell Me, So Hot, Nobody เป็นต้น ในปี พ.ศ. 2552 เพลง Nobody นั้นได้เข้าไปอยู่ในชาร์ตอันดับเพลง Billbord Hot 100 ของสหรัฐอเมริกา ด้วยอันดับที่ 76 ได้สำเร็จ

วันอาทิตย์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2553

สมาชิกวง Girl's Generation


ชื่อ : คิม แทยอน (Kim Taeyeon)
วันเกิด : 9 มีนาคม ค.ศ.1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 162 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 44 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
ตำแหน่ง : หัวหน้าวง, นักร้องเสียงหลัก
ระยะในเวลาฝึก : 3 ปี 3 เดือน
ความสามารถพิเศษ : ร้องเพลง พูดภาษาจีน ว่ายน้ำ
ผลงานอื่นนอกจากอัลบั้มของวง : ชนะเลิศการประกวด SM Academy singing competition 2004, ร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "ฮงกิลดง" (Hong Gil Dong) ในเพลง "If" ซึ่งถือเป็นการร้องเพลงเดี่ยวครั้งแรกของเธอด้วย, ร้องเพลงประกอบละครเรื่อง "บีโทเฟ่น ไวรัส" (Beethoven Virus) ในเพลง"Can you hear me (ทึลรีนาโย), จัดวิทยุรายการ Chin Han Chin Gu-ชินฮันชินกุ (Close Friends/Best Friends Radio) ที่ช่อง MBC กับ "คังอิน"(Super Junior)




 

ชื่อจริง : อิม ยุนอา (Im Yoona)
วันเกิด : 30 พฤษภาคม ค.ศ. 1990 (อายุ18 ปี)
ส่วนสูง : 166 เซนติเมตร
น้ำหนัก: 44 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด: B
ตำแหน่ง: นักร้องสนับสนุน, นางแบบ, นักแสดง, ผู้นำเต้น
ระยะเวลาในการฝึก: 7 ปี 2 เดือน
ผลงานนอกจากอัลบั้มของวง : แสดงในภาพยนตร์เรื่อง "9 Ends 2 Outs", แสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "My Everything" ของ The Grace/ เพลง "U" และ "Marry U" ของ Super Junior/ เพลง "Magic Castle" ของ Dong Bang Shin Ki และเพลง "Propose" ของ Lee Seung Chul, แสดงในละคร         (ซีรีส์ยาว) เรื่อง "You are my destiny" ปี2008




  

ชื่อที่ใช้ในวงการ : เจสสิก้า จอง (Jessica Jung)
ชื่อเกาหลี : จอง ซูยอน (Jung Sooyeon)
ชื่อเล่นที่เพื่อนๆ เรียกกัน : เจสซี่/เจส/สิก้า/เจ
วันเกิด : 18 เมษายน ค.ศ.1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 163 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 43 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
ความสามารถพิเศษ : ภาษาอังกฤษ ร้องเพลง เต้น
ตำแหน่ง : นักร้องเสียงหลัก
ระยะเวลาในการฝึก : 7 ปี 6 เดือน
ของโปรด : ขนม / พุดดึ้ง / ชีสเค้ก
ยี่ห้อที่ชอบ : Abercrombie, French Connection, Oilily, Davidoff, Gucci, Chanel
สีที่ชอบ : ชมพู/ฟ้า/เขียวอ่อน
นักร้องที่ชอบ : โบอา /ดงบังชินกิ/ชอนซังจีฮี เดอะเกรซ /TRAX
ผลงานอื่นนอกจากอัลบั้มของวง : แสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "Sorry, My Love Was Late" ของ Kim Jo Han, ร้องเพลง "Bad Oppa" ร่วมกับทิฟฟานี่และซอฮยอน เพื่อนร่วมวง





ชื่อจริง : คิม โฮยอน (Kim Hyoyeon)
วันเกิด : 22 กันยายน ค.ศ. 1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 158 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 45 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : AB
ตำแหน่ง : นักเต้นหลัก, นักร้องสนับสนุน, แร็ปเปอร์
ระยะเวลาในการฝึก : 6 ปี 1 เดือน
ความสามารถพิเศษ: เรียนเต้นฮิปฮอป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเต้นแบบ Waving, Popping, Locking และ Animation นอกจากการเต้นฮิปฮอปแล้วเธอยังสามารถเต้นลาติน, แจ๊ส, แท็ป และบัลเล่ต์ได้อีกด้วย,เธอเคยอยู่ที่ประเทศจีนเป็นเวลา 1 ปีเพื่อฝึกฝนภาษาจีนของเธอ ร่วมกับชีวอนแห่งวงซูเปอร์จูเนียร์



 
 

ชื่อที่ใช้ในวงการ : ทิฟฟานี่ (Tiffany)
ชื่ออังกฤษ : สเตฟานี่ ฮวัง (Stephanie Hwang)
ชื่อจริง : ฮวัง มิยอง (Hwang Miyoung)
วันเกิด : 1 สิงหาคม ค.ศ.1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 163 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 50 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : O
ตำแหน่ง : นักร้องสนับสนุน, เอ็มซี
ระยะเวลาในการฝึก : 3 ปี 7 เดือน
ความสามารถพิเศษ : สามารถพูดได้ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาเกาหลีอย่างคล่องแคล่ว
ผลงานอื่นนอกจากอัลบั้มของวง : ชนะเลิศการประกวด The SM Starlight Casting System, ร้องเพลง "Bad Oppa" ร่วมกับเจสสิก้าและซอฮยอน เพื่อนร่วมวง, โค-เอ็มซี


 


ชื่อที่ใช้ในวงการ : ซอฮยอน (Seohyun)
ชื่อจริง : ซอ จูฮยอน (Seo Joohyun)
วันเกิด : 28 มิถุนายน ค.ศ.1991 (อายุ 17 ปี)
ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 48 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : A
ตำแหน่ง : นักร้องนำ
ความสามารถพิเศษ : พูดภาษาจีน เล่นเปียโน
ระยะเวลาในการฝึก : 6 ปี 6 เดือน
ความสามารถพิเศษ : สามารถเล่นเปียโนได้อย่างคล่องแคล่ว
ผลงานนอกจากอัลบั้มของวง : ร้องเพลง "Bad Oppa" ร่วมกับเจสสิก้าและทิฟฟานี่ เพื่อนร่วมวง





 
ชื่อจริง : ชอย ซูยอง (Choi Sooyeong)
วันเกิด : 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1990 (อายุ 18 ปี)
ส่วนสูง : 170 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 46 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลิอด : O
ศาสนา : คริสต์
งานอดิเรก : ดูหนัง เล่นอินเทอร์เน็ต
ความสามารถพิเศษ : เต้นแจ๊ส, ภาษาญี่ปุ่น
ศิลปินที่ชื่นชอบ : Craig David, TLC, Morning Musume, Chemistry
นักแสดงที่ชื่นชอบ : Tsukamoto Takashi, Fujiwara Tatsuya, Sean Penn, Jang Seo Hee
ตำแหน่ง : นักร้องสนับสนุน, นางแบบ, นักแสดง, ดีเจ
ระยะเวลาในการฝึก : 6 ปี 3 เดือน
ผลงานนอกจากอัลบั้มของวง : ซูยองเปิดตัวครั้งแรกในฐานะนักร้อง Duo วง Route-O ที่ประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นเธอจึงสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี, แสดงละครเรื่อง "Unstoppable Marriage" ร่วมกับ  ยูริ เพื่อนร่วมวง, เคยเป็นดีเจของ Chunji Radio จัดรายการคู่กับซองมินแห่งวงซูเปอร์จูเนียร์ (เปลี่ยนเป็นซันนี่แทนเนื่องจากซูยองติดธุระจากการแสดงละครเรื่อง Unstoppable Marriage)





ชื่อที่ใช้ในวงการ: ซันนี่ (Sunny)
ชื่อจริง : ลี ซุนกยู (Lee Sunkyu)
วันเกิด : 15 พฤษภาคม ค.ศ.1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 157 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 43 กิโลกรัม
กรุ๊ปเลือด : B
ตำแหน่ง : นักร้องนำ, ดีเจ
ระยะเวลาในการฝึก : 9 เดือน (ภายใต้สังกัด SM Entertainment) และก่อนหน้านั้น ได้รับการฝึกหัดภายใต้การควบคุมของเทรนเนอร์คนเดียวกับอายูมิ ลี ในโปรแกรมฝึกแบบศิลปินอาชีพที่แตกต่างจากการฝึกแบบเทรนนี่ทั่วไปเป็นเวลา 5 ปี
ผลงานอื่นนอกจากอัลบั้มของวง : เคยเป็นดีเจของ Chunji Radio โดยจัดรายการคู่กับซองมินแห่ง    วงซูเปอร์จูเนียร์, ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอเพลง Cooking! Cooking! ของซูเปอร์จูเนียร์ H, ผลงาน     ซิงเกิ้ลเดี่ยวประกอบละคร "Working Mom" ในชื่อเพลง "You don't know about love"





ชื่อจริง : ควอน ยูริ (Kwon Yuri)
วันเกิด : 5 ธันวาคม ค.ศ.1989 (อายุ 19 ปี)
ส่วนสูง : 168 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 45 กิโลกรัม
ตำแหน่ง : ผู้นำเต้น, นักร้องสนับสนุน, นักแสดง, นางแบบ
ระยะเวลาในการฝึก : 5 ปี 11 เดือน
ความสามารถพิเศษ : การเต้น ,การแสดง ,ไวโอลิน
ผลงานนอกจากอัลบั้มของวง : แสดงละครเรื่อง "Unstoppable Marriage" ร่วมกับซูยอง เพื่อนร่วมวง, แสดงในภาพยนตร์เรื่อง "Attack on the Pin-Up Boys ร่วมกับซูเปอร์จูเนียร์, แสดงในมิวสิกวิดีโอเพลง "Beautiful Life" ของดงบังชินกิ, แสดงใน 2005 KM Super Junior Show "The King's Boyfriend"



 

Girl's Generation



          เกิลส์เจเนอเรชัน (Girls' Generation) หรือ โซนยอชิแด (อ่านว่า โซ-นยอ-ชิ-แด) จัดเป็นศิลปินกลุ่มหญิงที่มีจำนวนสมาชิกถึง 9 คน เดบิวต์เมื่อปีค.ศ. 2007 ภายใต้สังกัดเอสเอ็มเอนเตอร์      เทนเม้นท์โดยมีสมาชิกภายในวงได้แก่แทยอน, เจสสิก้า, ซันนี่, ทิฟฟานี่, ฮโยยอน, ยูริ, ซูยอง, ยุนอา, ซอฮยอน ทั้งนี้ชื่อ 소녀시대 (โซนยอชิแด) เป็นชื่อที่ใช้ในการทำกิจกรรมภายในประเทศเกาหลีใต้ มีความหมายว่ายุคสมัยของเด็กสาว แต่เมื่อทำกิจกรรมในต่างประเทศจะใช้ชื่อว่า Girls' Generation ซึ่งมีความหมายว่ายุคสมัยของเด็กสาวเช่นเดียวกัน แต่แฟนคลับในทุกๆประเทศ มักจะเรียกพวกเธอว่า    โซนยอชิแด

วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

อัลบั้ม Rated R (2009)

Mad House Wait Your Turn
Hard
Stupid in Love
Rockstar 101
Russian Roulette
Fire Bomb
Rude Boy
Photographs
G4l
Te Amo
Cold Case Love
The Last Song
Russian Roulette (Donni Hotwheel Remix)
Hole in My Head

อัลบั้ม Good Girl Gone Bad (2007)

Umbrella
Push up on Me
Don't Stop The Music
Breakin' Dishes
Shut up and Drive
Hate That I Love You
Say It
Sell Me Candy
Lemme Get That
Rehab
Question Existing
Good Girl Gone Bad
Cry
Haunted

อัลบั้ม A Girl Like Me (2006)

SOS Kisses Don't Lie
Unfaithful
We Ride
Dem Haters
Final Goodbye
Break It off
Crazy Little Thing Called Love
Selfish Girl
P.S. (I'm Still Not over You)
A Girl Like Me
A Million Miles Away
If It's Lovin' That You Want (Part 2)
Pon De Replay (Full Phatt Remix)
Who Ya Gonna Run to
Coulda Been The One

รายชื่อเพลงในแต่ละอัลบั้มของ Rihanna

อัลบั้ม - Music of the Sun (2005)

Pon De Replay
Here I Go Again
If It's Lovin' That You Want
You Don't Love Me (No, No, No)
That La, La, La
The Last Time
Willing to Wait
Music of The Sun
Let Me
Rush
There's a Thug in My Life
Now I Know
Pon De Replay (Elephant Man Remix)
Should I?
Hypnotized

วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2553

รายชื่อเพลงพิเศษของ Rihanna

(Gona To Be) Hell on Earth
(Just Be) Happ
A Child Is Born
Arrow
Bad Girl
Bitch I'm Special
Boom Boom
Break Free
Bring It Back
Bubble Pop
Disturbia
Don't Even Try
Don't Feel So Real to Me
Emergency Room
Find You to Be Irresistible
First Time
Good Bye (Good Day)
Hate That I Love You (Spanglish Version)
Hatin' On the Club
Hotness
Hurricane
If I Never See Your Face Again
It Just Don't Feel Like Christmas (Without You)
Let This Be The Last Time
Live Your Life
Love the Way You Lie
May Be I Should Slow It Down (If He Acted)
Million Miles Away
My Name Is Rihanna
No Looking Back
Past Relationships
Pon De Replay (A.P. Remix)
Redemption Song
Roll It
Rude Boy (J4r Remix)
Run This Town
Sexaulity
Slower to Heal
Stranded (Haiti Mon Amour)
Take A Bow

The One
Tide Is High
Tip Pon Toe
Umbrella (Cinderella Remix)
Umbrella (Lil Mama Remix)
Vogue
We Gona to Light It Up
We Past That
Whipping My Hair
Who's That Chick
Why Tell Me
Winning Women
Pon De Replay
Here I Go Again
If It's Lovin' That You Want
You Don't Love Me (No, No, No)
That La, La, La
The Last Time
Willing to Wait
Music of The Sun
Let Me
Rush
There's a Thug in My Life
Now I Know
Pon De Replay (Elephant Man Remix)
Should I?
Hypnotized

การแสดงบนเวที
















Rihanna



โรบิน ริฮานน่า เฟนตี หรือรู้จักในไทยในชื่อ ริฮานน่า เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2531 เป็นนักร้องชาวบาร์เบโดส เชื้อสายครีโอล ปัจจุบันเธออยู่ที่ซานดิเอโก้ แคลิฟอร์เนีย ริอานน่าเป็นนักร้องหญิงชาวบาร์เบโดสคนที่แรก และเป็นชาวบาร์เบโดสคนที่ 2 ที่ได้รับรางวัลแกรมมี่ ริอานน่าเป็นนักร้องแนว Hiphop , R&B แต่ในทุกๆอัลบั้มเธอก็ได้ผสมผสานเพลงป๊อปได้อย่างลงตัว ปัจจุบันริอานน่าสังกัดค่ายเดฟ แจม ของยูนิเวอร์แซลมิวสิก และมีผลงานด้านดนตรีอย่างสืบเนื่อง



ประวัติ


อัลบั้มชุดแรก Music of the Sun ออกวางขายในเดือนสิงหาคม 2005 มีเพลงดังอย่าง "Pon de Replay" (อันดับ 2 อเมริกา) เธอได้ถ่ายภาพขึ้นปกนิตยสารในลอสแอนเจลิสและแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรกในเรื่อง "Bring It On Yet Again"และในปี 2006 ได้ออกผลงานอัลบั้มชุดที่ 2 A Girl like Me มีเพลงดัง "SOS" ที่ใช้ดนตรีแนวอีเล็กโทร-ฟังก์จากเพลง "Tainted Love" แห่งยุค 80 ของวง Soft Cell" เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงอันดับ 1 ในอเมริกาของเธอเพลงแรก เพลงนี้ถูกใช้ประกอบโฆษณาไนกี้ ส่วนซิงเกิ้ลที่ 2 "Unfaithful" เธอได้ร่วมงานนักร้องอาร์แอนด์บี นี-โย เพลงนี้สามารถขึ้นถึง 6 บนชาร์ทในอเมริกา อัลบั้มชุดที่ 3 Good Girl Gone Bad ในปี 2007 กับซิงเกิ้ลแรก "Umbrella" (ร่วมร้องโดยเจย์ซี) ขึ้นอันดับ 1 ในอเมริกาและอีกหลายประเทศ รวมทั้งในสหราชอาณาจักรที่อยู่บนอันดับ 1 นานถึง 10 สัปดาห์เดือนกันยายน 2007 เธอคว้ารางวัล วิดีโอแห่งปี (Video of the Year) จากเพลง "Umbrella" ในงานเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ไปได้ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลใหญ่ที่สุดรางวัลหนึ่งของปี รวมถึงยังได้รับรางวัล ซิงเกิลสุดเฉียบขาดแห่งปี (Monster Single of the Year) ไปได้ และยังมี good gorl gone bad remix อีกด้วย อัลบั้มนี้มีเพลงฮิตมากมายเช่น Shut up and drive, hate that I love you ที่ได้ร่วมงานกับ Ne-yo,Take a bow, Disturbia และ Rehab ที่ได้ร่วมงานกับ Justin Timberlake และ Timbaland

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

กิจกรรมการกุศลและงานอื่นๆ

เฮาส์ออฟเดเรออน ปี 2005 โนวส์เปิดตัวธุรกิจห้องเสื้อที่เธอได้ร่วมมือกับทีน่า โนวส์ (แม่ของเธอ) โดยใช้ชื่อว่า เฮาส์ออฟเดเรออน  (House of Deréon) (เดเรออน คือชื่อยายของเธอ) ซึ่งงานออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากบรรพบุรุษในตระกูล ทัวร์คอนเสิร์ต          เดสทินีฟูล์ฟิลด์ ... แอนด์เลิฟวิงอิทเวิลด์ทัวร์ ของเดสทินีส์ไชลด์ ได้เลือกใช้ชุดจากห้องเสื้อนี้ของเธอเองทั้งหมด ปัจจุบันได้มีการประยุกต์ธุรกิจนี้ร่วมกับผลงานของเธอที่ออกมาในขณะนั้นด้วย งานโฆษณา โนวส์ได้เซ็นสัญญากับเครื่องดื่มเป๊ปซี่ในปี ค.ศ. 2002 ซึ่งเป็นการโฆษาณาทั้งบนโทรทัศน์ รวมถึงวิทยุและในอินเทอร์เน็ต     ในปี ค.ศ. 2004 เป๊ปซี่ได้มีโฆษณาผ่านทางโทรทัศน์ มีแนวโฆษณาเป็น "นักต่อสู้ในสมัยโรมัน" โดยมีโนวส์และนักร้องอย่าง    บริตนีย์ สเปียรส์, พิงก์, และเอนรีเก อีเกลเซียสรวมอยู่ในโฆษณา และในปีถัดมาก็ได้ร่วมงานกับเจนนิเฟอร์ โลเปซและเดวิด เบคแคมในโฆษณาแนว "ซามูไร" นอกจากนี้แล้ว โนวส์ยังเซ็นสัญญากับบริษัทเครื่องสาอางหรือสินค้าที่เกี่ยวกับความสวยความงาม นั่นก็คือลอเรอัลในช่วงปี ค.ศ. 2003 ทารายได้ให้เธอกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ[96]ในปี 2004 โนวส์ได้มีน้าหอมของเธอเอง เรียกว่า             "ทรูสตาร์" ซึ่งก็ได้ทาโดยทอมมี่ ฮิลไฟเจอร์ เธอได้มีวิดีโอ       ประชาสัมพันธ์ โดยเธอร้องเพลง "วิชชิงออนอะสตาร์" มาร้องประกอบด้วย โดยทารายได้ให้เธอกว่า 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเธอยังได้มีทรูสตาร์โกลด์ในปี ค.ศ. 2005 และ เอ็มพอเรอร์อาร์มานิส์เดียมอนด์ส ในปี ค.ศ. 2007 นิตยสารฟอร์บยังได้รายงานว่า โนวส์มีรายได้ในช่วงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2008 ถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2009 สูงถึง 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากอัลบั้ม,คอนเสิร์ตทัวร์,ธุรกิจเสื้อผ้า,และงานโฆษณาต่างๆ และจัดให้เธอเป็นคนดังที่มีรายได้สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก

ภาพลักษณ์

โนวส์เป็นที่รู้จักกันในเรื่องสัญลักษณ์ของเพศ ตามที่เธอได้พูดไว้ว่า "ฉันชอบที่จะแต่งตัวเซ็กซี่และทาตัวเองให้เหมือนสตรีทั่วไป" แต่เธอก็ได้บอกว่าการแต่งตัวบนเวทีก็ "สาหรับการแสดงบนเวทีเท่านั้น" เนื่องจากเธอเป็นคนที่ชื่นชอบและหลงใหลในแฟชั่น โนวส์ได้ผสมผสานองค์ประกอบของศิลปะกับมิวสิกวิดีโอและการแสดงของเธอ แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอิตาเลียน โรเบอร์โต คาวาลลิ กล่าวไว้ว่า "เธอจะใช้สไตล์ที่แตกต่างกัน พยายามให้เข้าดนตรีในขณะแสดง" นิตยสาร
ในปี 2007 โนวส์เป็นที่จับตามองมาก ในการที่เธอได้ขึ้นปกของ
ในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2009 โนวส์ได้ไปสัมภาษณ์ในรายการ แลร์รี่คิงไลฟ์ เธอได้พูดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอได้ไปร้องเพลงในพิธีสาบานตนเข้ารับตาแหน่งของประธานาธิบดีบารัก โอบามาเมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2009 และเธอกล่าวว่า มิเชลล์ โอบามา "เป็นบุคคลที่เก๋มาก" และได้กล่าวไปถึงว่าการได้ไปร้องเพลง"แอตลาสต์"นั้น ว่าเป็นอะไรที่สาคัญต่อชีวิตการทางานของเธอมาก
พีเพิล ได้จัดให้โนวส์เป็นคนดังที่มีแต่งตัวได้ดีที่สุดในปี 2007 แม่ของโนวส์ได้เขียนหนังสือในปี 2002 โดยชื่อว่า เดสทินีส์สไตล์: บูตีลิเชียสแฟชั่น, บิวติฟูล์แอนด์ไลฟ์สไตล์ซีเครตฟรอมเดสทินีส์ไชลด์ เป็นบันทึกที่ว่าแฟชั่นมีส่วนต่อความสาเร็จของเดสทินีส์ไชลด์มากแค่ไหน สปอร์ตสอิลลัสเตรดต์สวิมสูทอิชชู เธอเป็นคนแรกที่ไม่ใช่ทั้งนางแบบและไม่ใช่ทั้งนักกีฬาที่ได้ลงสิ่งตีพิพม์นี้ และยังเป็นศิลปินชาวแอฟริกันอเมริกัน คนที่สองหลัง ไทรา แบงส์ ในปีเดียวกัน ภาพโนวส์ได้ปรากฏอยู่ในนิตยสารบิลบอร์ดและหนังสือพิมพ์ทั่วสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นภาพที่เธอกาลังถือบุหรี่แบบเก่าอยู่และเป็นภาพจากปกหลังของอัลบั้ม บี'เดย์ ภาพนี้ถูกต่อต้านจากองกรณ์ป้องกันการสูบบุหรี่อย่างมาก โดยระบุว่าเธอไม่จาเป็นต้องเพิ่มบุหรี่ "เพื่อให้ตัวเองดูซับซ้อนกว่าเดิม" อิทธิพลและสิ่งสืบเนื่อง โนวส์ได้เติบโตมากับเพลงของ เอนิตา เบเกอร์และลูเธอร์ แวนดรอส และในต่อมาก็กลับกลายเป็นคนที่เธอได้ร่วมงานอยู่ด้วยในที่สุด โนวส์ได้แรงบันดาลใจในการเป็นนักร้องมาจากศิลปินชาวอเมริกันอย่าง ทีน่า เทอร์เนอร์, พรินซ์, อารีธา แฟรงคลิน, วิทนีย์ ฮูสตัน, เจเน็ต แจ็กสัน, เซเลนา, ไมเคิล แจ็กสัน, แมรี เจ. ไบลจ์, ไดอาน่า รอสส์, ดอนนา ซัมเมอร์, มารายห์ แครี และนักร้องชาวโคลัมเบียนอย่าง ชาคีร่า.
โนวส์ยังมีอิทธิพลต่อศิลปินร่วมสมัยด้วย นักร้องเพลงแนวอาร์แอนด์บี ชาวแคนาเดียน เคเชีย ชานเต ก็ได้มีอิทธิพลมาจากโนวส์เช่นเดียวกัน นอกจากนั้น ผู้ชนะรายการ
สตีเฟน โทมัส เอร์ไลไวน์ ของออลมิวสิกได้พบว่าเพลงในอัลบั้มแรกของนักร้องป๊อปชาวอเมริกัน เคทารีน แม็คฟี ได้รับอิทธิพลจากเพลงของโนวส์มากๆ โรว์แลนด์ ยังได้แรงบันดาลใจ ก่อนการทาอัลบั้มชุดที่ 2ของเธอ
อเมริกันไอดอล จอร์ดิน สปาร์คส ซิงเกิลแรก "แทททู" และอัลบั้มแรกของเขา สามารถอธิบายได้ว่ามีความชอบในตัวบียอนเซ่เอามากๆ ซึ่งซิงเกิล"แทททู"นั้น ก็ได้มีดนตรีและสิ่งต่างๆเหมือนกับเพลงฮิตของโนวส์มาก นั้นคือเพลง "อีเรเพลสอเบิล" มิส.เคลลี่ จากเสียงร้องของโนวส์ด้วยเช่นกัน[84] โนวส์เป็นนักร้องหญิงคนแรก ที่ได้รับรางวัล อเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์ สาขาศิลปินระดับต่างประเทศ โนวส์ได้เป็นนักร้องนาของวงดนตรีหญิงล้วนที่มียอดขายสูงที่สุดตลอดกาล เดสทินีส์ไชลด์ ในที่ต่างๆมากมาย ได้บันทึกไว้ว่าเธอเป็นสัญลักษณ์ของเพลงป๊อป ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด อัลบั้มแรกของเธอ เดนเจอรัสลีอินเลิฟ ได้อยู่ในรายชื่อ ท๊อป200เดฟินิทีฟอัลบั้ม ในประวัติศาสตร์ดนตรี โดย ร็อกแอนด์โรลฮอลออฟเฟม ซึ่งน้อยมากสาหรับศิลปินในยุดนี้ ที่จะได้อยู่ในรายชื่อนั้น โนวส์ได้มีหุ่นขี้ผึ้งในที่ต่างๆมากมาย แต่ที่ ที่รู้จักกันมากก็คือ ที่พิพิทธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งของ Madame Tussaud เธอก็ยังเป็นหนึ่งในน้อยคนของแอฟริกันอเมริกัน ที่ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคาถึง 3 รางวัล หรือมากกว่านั้น

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

การแสดงบนเวที


ในปี 2006 โนวส์ได้มีวงดนตรี ชูก้ามาม่า ของตนเอง ซึ่งก็ได้มีทั้ง นักเล่นเบส, นักตีกลอง, นักเล่นกีต้าร์, นักเล่นฮอร์น, มือคีย์บอร์ด และ นักดนตรีเครื่องดนตรีประเภทตี พวกเขาได้เปิดตัวครั้งแรกในงานประกาศผลรางวัลบีอีทีอวาร์ดส ปี 2006 และปรากฏตัวอีกครั้งในมิวสิกวิดีโอเพลง "อีเรเพลสอเบิล" และ "กรีนไลท์". วงดนตรีนี้ได้เล่นดนตรีให้โนวส์ในการร้องเพลงสดของโนวส์ในที่ต่างๆ รวมไปถึงคอนเสิร์ตทัวร์รอบโลกในปี 2007 เดอะบียอนเซ่เอกซ์พีเรียนส์, และในปี 2009 คอนเสิร์ตทัวร์ไอแอม...
ในบทความที่มีชื่อว่า "บอร์นทูเอ็นเตอร์เทน" โนวส์รวมถึงศิลปินคลาสสิกและร่วมสมัยอื่นๆ ได้รับคาชมจากการแสดงบนเวทีของเธอ ในบทวิจารณ์คอนเสิร์ตทัวร์ไอแอม... ในปี ค.ศ. 2009ของเธอ อลิส โจนส์ของหนังสือพิมพ์
เป็นการสะท้อนออกมาของลอร์เรน ชวารตซ์จาก
อินดีเพนเดนท์ ได้เขียนไว้ว่า "Watching Beyoncé sing and strut her stuff can feel at best overawing, at worst, alienating. She takes her role as entertainer so seriously she's almost too good." เดอะนิวยอร์กไทมส์ เขียนว่า "มันมีความน่าทึ่งพร้อมกับน่าตื่นเต้นมากในการวางแผนของเธอที่จะทาให้ผู้ชมสนุกสนาน" รีนี มิเชลล์ ฮารริสของเซาท์ฟลอริดาไทมส์ เขียนว่า โนวส์ "สามารถทาตัวเป็นเจ้าของเวทีพร้อมกับใส่เอกลักษณ์ของเธอและมีความเอาจริงเอาจัง... การแสดงที่มีเสียงร้องอันทรงพลังของเธอและไม่มีโน้ตใดที่ตกหล่นไป, การเต้นที่สมบูรณ์แบบ...ไม่มีใครทั้งนั้น, ไม่ใช่บริตนีย์, ไม่ใช่ซิเอรา และก็ไม่ใช่ริอานน่า สามารถทาอย่างที่เธอทาได้ ทั้งการร้องการเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน" และนี่ดิเอกซ์แซมิเนอร์ ผู้ที่เขียนไว้ว่า "ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งปี ฉันได้เห็น มาดอนน่า, บริตนีย์, และบียอนเซ่... [บียอนเซ่]ดีกว่าสามคนนั้นอยู่ไกลมาก"

วันพุธที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

2008 - ปัจจุบัน: I Am … Sasha Fierce


ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008 โนวส์ได้ร่วมเพลงร่วมกับทีน่า เทอร์เนอร์ ในงานประกาศผลรางวัลแกรมมี ครั้งที่ 50 โนวส์ได้เรียกเทอร์เนอร์ว่า 'เดอะควีน' และร้องเพลง "พราวด์แมรี" ต่อมาโนวส์ได้มีงานภาพยนตร์นั่นก็คือ
โนวส์กลับมาอีกครั้งในช่วงปลายปี กับอัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3 มีชื่อว่า
และ "ซิงเกิลเลดีส์ (พุตอะริงออนอิต)" ในวันที่ 8 ตุลาคม ค.ศ. 2008 ที่ต่างประสบความสาเร็จด้วยกันทั้งคู่ โดยเพลง "อิฟไอเวอร์อะบอย" สามารถขึ้นไปอันดับหนึ่งบนชาร์ตซิงเกิลแห่งสหราชอาณาจักร และเพลง "ซิงเกิลเลดีส์ (พุตอะริงออนอิต)" นั้นสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต
ในวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เมื่อวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 2009 โนวส์ได้รับเกียรติให้ไปร้องเพลงในงานพิธีสาบานตนเข้ารับตาแหน่งของประธานาธิบดีบารัก โอบามา และเธอยังได้นาเพลง "แอตลาสต์" เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
คาดิลแล็กเรเคิดส์ วันวานตานานร็อก ที่เริ่มถ่ายทาในเดือน พฤษภาคม ค.ศ. 2008 ซึ่งเธอรับบทเป็นนักร้องในตานาน เอตต้า เจมส์ และโนวส์ยังได้มีภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเรื่อง แรงรักมรณะ ร่วมกับนักแสดงนาอย่าง อาลิ ลาร์เตอร์ และ อิดริส เอลบา ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดฉายในสหรัฐอเมริกาในวันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2009 ในวันแรกภาพยนตร์เรื่องนี้ทารายได้ไปกว่า 11.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในสุดสับดาห์ก็มียอดจาหน่ายในบ็อกออฟฟิศของสหรัฐอเมริกาเป็นที่ 1 ด้วยรายได้ทั้งหมด 28.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ไอแอม... ซาชาเฟียร์ส วางจาหน่ายเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 2008. โดยโนวส์ได้เผยว่า ซาชา เฟียร์ส คือภาพลักษณ์ของเธอเวลาอยู่บนเวทีที่จะเต็มที่ เปรี้ยวแรง และทุ่มเท ต่างกับตัวจริงของเธอที่จะเป็นคนเงียบๆ และเรียบง่าย มีซิงเกิลแรกและซิงเกิลที่สองออกมาพร้อมกัน 2 เพลง คือ "อิฟไอเวอร์อะบอย" บิลบอร์ด ฮอต 100 ซึ่งนับเป็นซิงเกิลอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดเพลงที่ 5 ของโนวส์ในฐานะศิลปินเดี่ยว และซิงเกิลที่ 4 ของอัลบั้มนี้ "เฮโล" สามารถขึ้นไปสูงสุดในบิลบอร์ดได้ถึงอันดับที่ 5 ทาให้เป็นซิงเกิลที่ 12 ที่สามารถติดอันดับ 1 ใน 10 ของบิลบอร์ดได้ในฐานะศิลปินเดี่ยว และมันก็ทาให้เธอเป็นศิลปินหญิงที่มีเพลงอยู่ในสิบอันดับแรกมากที่สุดในทศวรรษนี้ ต่อมาโนวส์ก็ได้รับรางวัลสาขาศิลปินหญิงโดดเด่น ของเอ็นเอเอซีพีอิมเมจอวอร์ด และยังได้รับรางวัลศิลปินอาร์แอนด์บียอดเยี่ยมที่ทีนชอยส์อวอร์ดประจาปี 2009 อีกด้วย คาดิลแล็กเรเคิดส์ วันวานตานานร็อก ไปร้องระหว่างการเต้นราครั้งแรกของประธานาธิบดีโอบามาและมิเชลล์ ในขณะที่เป็นประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 20 มกราคม ค.ศ. 2009

โนวส์ได้มีทัวร์คอนเสิร์ตเดี่ยวครั้งที่ 3 ใช้ชื่อว่า ไอแอม... ทัวร์ การทัวร์เริ่มในช่วงเดือนมีนาคมโดยที่จะไปในที่ต่างๆทั่วโลก เริ่มจากอเมริกา, ยุโรป, เอเซีย, แอฟริกาและโอเชียเนีย ซึ่ง
การทัวร์ในสหรัฐอเมริกา เธอได้เพิ่มกาหนดการ 4 รอบพิเศษ ที่จะทาให้ได้ใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น โดยมีผู้ชมเพียง 1500 คนต่อหนึ่งรอบ จัดขึ้นที่ลาส เวกัส ทัวร์คอนเสิร์ตของโนวส์ในครั้งนี้ติดอันดับ 1 คอนเสิร์ตที่ร้อนแรงที่สุดจาก
มิวสิกวิดีโอเพลง "ซิงเกิลเลดีส์ (พุตอะริงออนอิต)" ได้รับรางวัลวิดีโอแห่งปีที่งานประกาศรางวัลบีอีทีอวอร์ดส์ ประจาปี 2009 และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลเอ็มทีวี วิดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ประจาปี 2009 ถึง 9 รางวัล ท้ายที่สุดก็ได้รับรางวัลวิดีโอแห่งปีกับอีก 2 รางวัลที่นี้อีกเช่นเดียวกัน ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 โนวส์ได้รับรางวัล "วูเมนออฟเดอะเยียร์" จากนิตยสาร
บิลบอร์ด และยังยืนยันถึงความสาเร็จของทัวร์นี้อีกว่าทัวร์คอนเสิร์ตนี้มีรายได้กว่า 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐขณะที่เพิ่งเริ่มการทัวร์และติดอยู่ใน 15 ทัวร์ที่มีรายได้มากที่สุด ด้วยการที่มีกาหนดการเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนถึงปี ค.ศ. 2010 บิลบอร์ด สไตล์เพลงและภาพลักษณ์
ดนตรีและเสียงร้อง
เพลงของโนวส์ส่วนใหญ่จะเป็นแนวอาร์แอนด์บีร่วมสมัย แต่ก็มักจะผสมแนวแดนซ์ป็อป, ฟังก์, ป็อป และโซลเข้าไปด้วย เพลงของโนวส์นั้นไม่ได้มีแค่เพียงเพลงภาษาอังกฤษ เธอยังได้ทาเพลงภาษาสเปนอยู่หลายเพลงสาหรับการวางจาหน่ายอีกครั้งของอัลบั้มบี'เดย์ อีกด้วย วงเดสทินีส์ไชลด์เองก็ยังเคยทาเพลงภาษาสเปนด้วยเช่นกันและยังได้เสียงตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงชาวลาติน โนวส์เคยใช้ภาษาสเปนในโรงเรียนเมื่อยังเด็ก แต่ตอนนี้สามารถพูดได้เพียงไม่กี่คา แต่เมื่อต้องทาเพลงภาษาสเปนสาหรับการวางจาหน่ายอีกครั้งของอัลบั้มบี'เดย์ เธอก็ได้ไปฝึกสัทศาสตร์กับโปรดิวเซอร์เพลงชาวอเมริกัน ชื่อว่ารูดี เพียร์ซ

วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

2006 - 2007: B’Day


ปี 2006 โนวส์มีผลงานแสดงในภาพยนตร์เรื่อง
โนวส์กลับมากับอัลบั้ม
เดอะพิงค์แพนเตอร์ ซึ่งออกฉายในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2006 เปิดตัวที่อันดับ 1 ในบ็อกซ์ออฟฟิศของสหรัฐอเมริกา มีรายได้กว่า 21.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์แรก เธอยังร้องเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเพลง "เช็คออนอิท" ที่เธอได้ร่วมงานกับ สลิม ทัก และยังขึ้นถึงอันดับ 1 ในบิลบอร์ดฮ็อต 100อีกด้วย บี'เดย์ ซึ่งออกวางจาหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 2006 ซึ่งตรงกับวันเกิดอายุครบ 25 ปีของเธอพอดี อัลบั้มนี้เปิดตัวที่อันดับ 1 ในชาร์ตบิลบอร์ด ด้วยยอดจาหน่ายกว่า 541,000 ชุด และเป็นอัลบั้มที่มียอดขายในสัปดาห์แรกสูงที่สุดในฐานะศิลปินเดี่ยว นอกจากจะรับหน้าที่เป็นเอกซ์คูทีฟโปรดิวเซอร์ในอัลบั้มนี้แล้ว โนวส์ยังร่วมแต่งและโปรดิวซ์เพลงในอัลบั้มนี้ถึง 11 เพลงเลยทีเดียว ร่วมด้วยทีมงานโปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลงระดับซุปเปอร์สตาร์เช่น สวิซ บีทซ์, ริช ฮาร์ริซัน, เดอะเนปจูนส์, ซีน การ์เรต, สตาร์ เกต, เจย์-ซี, โซแลงก์ โนวส์, เองเจลินา บียินเซ่, มาคีบา และ รอดนีย์ เจอร์กินส์ซิงเกิลแรกอย่าง "เดจาวู" ที่ได้เจย์-ซี มาช่วยแร็ปให้ในเพลงนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของ รอดนีย์ เจอร์กินส์ และยังได้ โซฟี มุลเลอร์ ผู้กากับมิวสิกวิดีโอชื่อดังมากากับมิวสิกวิดีโอของเพลงนี้อีกด้วย และออกซิงเกิลที่ 2 ตามมาคือ เพลง "ริงดิอลาร์ม" แต่ทั้งสองซิงเกิลนี้ไม่ค่อยประสบความสาเร็จบนในชาร์ตบิลบอร์ดฮ็อต 100 เหมือนซิงเกิลที่ผ่านๆมา จนมาถึงซิงเกิลที่ 3 เพลง "อีเรเพลสอเบิล" ถือเป็นเพลงที่ฮิตที่สุดในปี 2007 ซึ่งครองอันดับ 1 ถึง 10 สัปดาห์ และมียอดขายซิงเกิลกว่า 6 ล้านชุดทั่วโลก ทาให้เป็นเพลงที่ฮิตที่สุดของเธอด้วย
ต่อมาโนวส์ได้วางจาหน่าย
ต่อมาโนวส์ได้มีทัวร์คอนเสิร์ตชื่อว่า เดอะบียอนเซ่เอกซ์พีเรียนส์ มีรอบการแสดงถึง 97 รอบทั่วโลก ทั้งใน เอเซีย, ออสเตรเลีย, อเมริกาเหนือ, ยุโรป, และ แอฟริกา เปิดทัวร์ที่ประเทศญี่ปุ่นและสิ้นสุดที่ ลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ทัวร์นี้ได้มีการบันทึกภาพที่ ลอสแอนเจลิส และวางขายเป็นดีวีดีในปีเดียวกัน โดยใช้ชื่อว่า เดอะบียอนเซ่เอกซ์พีเรียนส์ไลฟ์ และในวันที่ 30 ตุลาคม ค.ศ. 2007 เธอได้มาเปิดคอนเสิร์ตในประเทศไทย ที่อิมแพคอารีน่า เมืองทองธานี โดยผู้จัดคือ บริษัท บีอีซี-เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จากัด (มหาชน) ท่ามกลางความตื่นเต้นและรอคอยของแฟนคลับชาวไทย
ในงานแกรมมีปี 2007 อัลบั้มบี'เดย์ ทาให้โนวส์ได้รับรางวัลสาขาอัลบั้มเพลงอาร์แอนด์บีร่วมสมัยยอดเยี่ยม และโนวส์ก็ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในอเมริกัน มิวสิก อวอร์ดส์ ครั้งที่ 35 โดยเป็นศิลปินหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัลสาขาศิลปินระดับต่างประเทศ
บี'เดย์ ฉบับดีลักซ์ ในวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 2007 โดยเพิ่มเพลงใหม่ไปอีก 5 เพลง และฉบับภาษาสเปนของเพลง "อีเรเพลสอเบิล" และ "ลิสเซน" นอกจากนั้นยังมีเพลง "บิวติฟูล์ไลอาร์" ที่เธอร่วมร้องกับนักร้องสาวชาคีร่า ขึ้นอันดับ 1 ในประเทศอังกฤษ ส่วนในสหรัฐอเมริกาขึ้นสูงสุดที่อันดับ 3

วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

2004 - 2005: เดสทินีฟูล์ฟิลด์ และ ปิดฉากเดสทินีส์ไชลด์


ในปี 2004 โนวส์วางแผนที่จะออกอัลบั้มชุดใหม่ และชุดสุดท้ายของเดสทินีส์ไชลด์ หลังจากอัลบั้ม
หลังจาก 3 ปีที่พวกเธอได้ทาผลงานเดี่ยว พวกเธอก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งในอัลบั้มชุดที่ 4
ความทุ่มเทในการทางานของพวกเธอทาให้ได้รับการจารึกชื่อวง เดสทินีส์ไชลด์ลงบน ฮอลลีวูดวอล์กออฟเฟม ในเดือนมีนาคม ปี 2006 และในที่สุดวงนี้ก็ได้ประกาศยุบตัวลง เพื่อสมาชิกแต่ละคนจะได้ทางานในสิ่งที่ตัวเองสนใจ เหลือเพียงตานานและชื่อเสียงที่น่าจดจาของ กลุ่มศิลปินหญิงที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล และยังได้ตาแหน่ง 100 ศิลปินตลอดกาลที่บิลบอร์ดจัดขึ้นในปี 2008
ในปลายปี 2005 โนวส์ได้เริ่มถ่ายทาภาพยนตร์เรื่อง
เดนเจอรัสลีอินเลิฟของเธอ ในช่วงต้นปีนั้น โนวส์ได้รับเกียรติให้ไปร้องเพลงชาติสหรัฐอเมริกา ในการแข่งขัน ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่38 ณ รีเลียนท์สเตเดี้ยม ในฮิวสตัน และเธอก็ได้บอกว่าเป็นความใฝ่ฝันในวัยเด็กของเธอ เดสทินีฟูล์ฟิลด์ ซึ่งวางจาหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ปี 2004 อัลบั้มนี้สามารถขึ้นไปสูงสุดในอันดับอัลบั้มของบิลบอร์ดได้ในอันดับที่ 2 มีซิงเกิลที่ฮิตอย่างเพลง "ลอสมายบรีท" , "โซล์เดอร์" , "เกิร์ล" , และ "คาเตอร์ทูยู" ต่อมาได้มีคอนเสิร์ตทัวร์ เดสทินีฟูล์ฟิลด์ ... แอนด์เลิฟวิน'อิทเวิลด์ทัวร์ ช่วงเดือนเมษายนถึงกันยายน ปี 2005 ในปีเดียวกันก็ได้ออกอัลบั้มรวมฮิตชุดแรก นัมเบอร์วันส์ ที่รวบรวมซิงเกิลอันดับ 1 และเพลงฮิตทั้งหมดที่ทุกคนรู้จักตั้งแต่ก่อตั้งวงนี้มา รวมถึงเพลงพิเศษอย่าง "สแตนด์อัพฟอร์เลิฟ" ในปี 2005 จากความสาเร็จอย่างมากมาย ดรีมเกิร์ลส ที่ดัดแปลงมาจากละครบรอดเวย์ในปี 1981 เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนักร้องในยุค 60 โดยได้แรงบันดาลใจจากวงดนตรีหญิงล้วน แนวโมทาวน์ วงเดอะ ซูปพรีมส์ โดยยึดลักษณะตัวละครคือ ไดอาน่า รอสส์ ในเรื่องคือ ดีน่า โจนส์ ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ออกฉายในเดือนธันวาคม และเรื่องนี้โนวส์ได้ร่วมงานกับนักแสดงนาอย่าง เจมี ฟ็อกซ์, เอ็ดดี้ เมอร์ฟี, และ เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน โนวส์ได้บันทึกเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่หลายเพลง ซึ่งก็รวมไปถึงเพลง "ลิสเซน"ด้วย ในวันที่ 14 ธันวาคม ค.ศ. 2006 โนวส์ถูกเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคา ถึง 2 สาขา นั่นก็คือ นักแสดงหญิงยอดเยี่ยม - โมชันพิกเจอร์ มิวสิคัลหรือตลก และ เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม จากเพลง "ลิสเซน"

วันเสาร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

2000 - 2002: การเป็นศิลปินเดี่ยวและการพัฒนาทางด้านอาชีพ

ในปี 2000 โนวส์ได้เซ็นสัญญาทาอัลบั้มเดี่ยว 3 อัลบั้มกับ โคลัมเบียเรเคิดส์ ขณะที่โนวส์ได้ทางานร่วมกับเดสทินีส์ไชลด์ เธอก็ได้เริ่มทางานเดี่ยวของตัวเอง เธอได้ร่วมงานกับ มาร์ก เนลซัน ในเพลง "อาฟเตอร์ออลอิสเซดแอนด์ดัน" เพื่อเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ในปี 1999 เรื่อง เดอะเบส์ตแมน และก็ได้ร้องเพลงร่วมกับ เอมิลล์ ในเพลง"ไอก็อทแดท" ปี 2000 ในช่วงต้นปี 2001 ขณะที่เดสทินีส์ไชลด์กาลังทาอัลบั้ม เซอร์ไวเวอร์ โนวส์ได้รับบทนักแสดงนาจากภาพยนตร์โทรทัศน์ ซึ่งออกฉายในช่องเอ็มทีวี เรื่อง Carmen: A Hip Hopera ในปี 2002 โนวส์มีผลงานการแสดงภาพยนตร์แนวตลก เรื่อง
ในปีเดียวกันนั้น โนวส์ได้ร่วมร้องเพลงกับแฟนหนุ่มของเธอ เจย์-ซี ในเพลง"'03 บอนนีย์แอนด์ไคล์ด" ลูเธอร์ แวนดรอสและโนวส์ ได้นาเพลง "เดอะโคลสเสอร์ไอเก็ทยู"
กลับมาทาใหม่ ซึ่งต้นฉบับขับร้องโดย โรเบอร์ตา แฟล็ก และ ดอนนี่ แฮทอะเวย์ ในปี 1977 แล้วฉบับของพวกเขานี้ ก็ได้รับรางวัลแกรมมี่ สาขาการร้องเพลงอาร์แอนด์บีคู่หรือกลุ่มยอดเยี่ยม ในปีต่อมา
พยัคฆ์ร้ายใต้สะดือ ตอน ตามล่อพ่อสายลับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวอันดับหนึ่งในบ็อกซ์ออฟฟิศของสหรัฐอเมริกา มีรายได้กว่า 73.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์แรก และโนวส์ก็ได้มีซิงเกิลเดี่ยวซิงเกิลแรกของเธอ "เวิร์คอิทเอาท์" เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ ในปีต่อมานั้นเธอก็ได้แสดงภาพยนตร์แนว โรแมนติกโคเมดี้ เรื่อง เดอะไฟท์ทิงเทมป์เทชัน และมีซิงเกิลร่วมกับแร็ปเปอร์หญิงอย่าง มิสซี เอลเลียต, เอ็มซี ไลยต์, และ ฟรี ในเพลง "ไฟท์ทิงเทมป์เทชัน" เพื่อประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้

งานทางดนตรีและการแสดง

1997 - 2001: ช่วงของ Destiny Child


ด้วยแรงจูงใจจากพระธรรมอิสยาห์วงนี้ก็ได้เปลี่ยนชื่อวงเป็นเดสทินีส์ไชลด์ในปี ค.ศ. 1993 เดสทินีส์ไชลด์ได้รับงานโชว์ตามงานต่างๆ หลังจาก 4 ปีของการเดินทาง พวกเธอก็ได้รับโอกาสเซ็นสัญญากับค่ายเพลงโคลัมเบียเรเคิดส์ในปลายปี ค.ศ. 1997 ในปีเดียวกันนั้นเดสทินีส์ไชลด์ได้บันทึกเสียงเพลงเปิดตัวเพลงแรกจากค่าย เพลง "คิลลิงไทม์" ซึ่งใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง
ควบคู่กันกับความสาเร็จทางด้านกาไรและยอดขาย เดสทินีส์ไชลด์ได้มีปัญหากับลักเก็ตต์และโรเบอร์สัน สาหรับคดีความการละเมิดสัญญา และปัญหายิ่งเพิ่มขึ้นหลังจากที่มิเชลล์ วิลเลียมส์และฟาร่า แฟรงคลินได้ปรากฏอยู่ในมิวสิกวิดีโอเพลง "เซย์มายเนม" ทาให้สามารถบอกเป็นนัยได้ว่าลักเก็ตต์และโรเบอร์สันได้ถูแทนที่แล้ว และในที่สุดลักเก็ตต์และโรเบอร์สันก็ได้ลาออกจากกลุ่มไป ต่อมาอีก 5 เดือนแฟรงกลินก็ได้ลาออกจากกลุ่มไป ด้วยปัญหาความรู้สึกส่วนตัว หลักฐานปรากฏได้จากการที่เธอได้หายไปตามการโปรโมทและคอนเสิร์ตต่างๆ ทาให้เดสทินีส์ไชลด์เหลือสมาชิกกลุ่มสุดท้ายคือ โนวส์, โรว์แลนด์, และวิลเลียม
ต่อมาพวกเธอได้มีซิงเกิล "อินดีเพนเดนท์วูเมนพาร์ท1" ซึ่งใช้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 2000 นั่นคือภาพยนตร์เรื่อง
ที่สุดของพวกเธอด้วยการที่อยู่อันดับหนึ่งบนชาร์ต
เมนอินแบล็ก ในปีต่อมาก็ได้ออกอัลบั้มชุดแรกโดยใช้ชื่อเหมือนชื่อวงคือ เดสทินีส์ไชลด์ ซิงเกิลฮิตซิงเกิลแรกคือเพลง "โน,โน,โน" อัลบั้มนี้ได้ทาให้เดสทินีส์ไชลด์เป็นที่รู้จักและเป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่อุตสหกรรมดนตรีและทาให้เดสิทินีส์ไชลด์ได้รับ 3 รางวัลจากงานประกาศผลรางวัลโซลเทรนมิวสิกอวอร์ดสสาหรับ "ซิงเกิลอาร์แอนด์บี/โซลยอดเยี่ยม" สาหรับเพลง "โน,โน,โน" , "อัลบั้มอาร์แอนด์บี/โซลยอดเยี่ยมแห่งปี", และ"ศิลปินอาร์แอนด์บี/โซลหรือแร็ปหน้าใหม่ยอดเยี่ยม" ต่อมาพวกเธอก็ได้ออกอัลบั้มชุดที่สองซึ่งมียอดขายระดับมัลติ-แพลตินัม อัลบั้มเดอะไรติงส์ออนเดอะวอลล์ ในปี 1999 เพลงในอัลบั้มที่ออกมาล้วนเป็นรู้จักกันอย่างกว้างขวาง เช่นเพลง "บิลส์, บิลส์, บิลส์" ซิงเกิลอันดับ 1 เพลงแรกของพวกเธอ, เพลง "จัมปิน', จัมปิน'", เพลง"เซย์มายเนม" ซึ่งเป็นเพลงที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดในขณะนั้นและกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของวงจนถึงปัจจุบันนี้อย่างเพลง เพลง"เซย์มายเนม" ได้รับรางวัลการแสดงเพลงอาร์แอนด์บีคู่หรือกลุ่มด้วยเสียงร้องยอดเยี่ยมและเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยมที่งานประกาศรางวัลแกรมมี ประจาปี 2001 เดอะไรติงส์ออนเดอะวอลล์ มียอดขายมากกว่า 7 ล้านชุด และทาให้พวกเธอเป็นที่จับตามองของสื่อและผู้คนมากมาย ในฐานะกลุ่มศิลปินหญิงหน้าใหม่ในยุคนั้น นางฟ้าชาลี เพลงนี้กลายเป็นเพลงที่มีชาร์ตดีบิลบอร์ด ฮอต 100 ยาวนานถึง 11 สัปดาห์ติดต่อกัน อัลบั้มชุดที่ 3 ของพวกเธอ เซอร์ไวเวอร์ วางขายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2001 แต่ก็ได้มีปัญหาบุคคลเดิมนั้นคือลักเก็ตต์และโรเบอร์สันในเรื่องของแนวของอัลบั้มว่าได้พาดพิงไปถึงพวกเธอ แต่อย่างไรก็ตามอัลบั้มนี้ก็ประสบความสาเร็จอย่างมากด้วยการเปิดตัวอันดับหนึ่งบนชาร์ทบิลบอร์ด 200 ด้วยยอดขายกว่า 663,000 ชุดในสัปดาห์แรก จนถึงปัจจุบันเซอร์ไวเวอร์ มียอดขายมากกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลกและยอดขายร้อยละ 40 นั้นคือยอดขายแค่ในสหรัฐอเมริกาเพียงที่เดียว อัลบั้มยังมีซิงเกิลฮิตอันดับหนึ่งในบิลบอร์ดอย่างเพลง "บูตีลิเชียส" และ "เซอร์ไวเวอร์" ที่ภายหลังก็สร้างรางวัลแกรมมีสาขาการแสดงเพลงอาร์แอนด์บีคู่หรือกลุ่มด้วยเสียงร้องยอดเยี่ยมให้กับพวกเธอ ต่อมาเดสทินส์ไชลด์ได้มีอัลบั้ม 8 เดส์ออฟคริสต์มาส ซึ่งวางขายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสของปี 2001 หลังจากนั้นก็ได้มีการพักงานชั่วคราว เพื่อที่สมาชิกแต่ละคนจะได้ออกไปทางานเดี่ยวของตน

ชีวิตในวัยเด็กและช่วงแรกของการทางาน

บียอนเซ่ โนวส์ เป็นลูกสาวคนโตของ แมททิว โนวส์ ซึ่งประสบความสาเร็จบันทึกผู้จัดการ และทีน่า บียอนเซ่ เป็นนักออกแบบเสื้อผ้าและทรงผม พ่อของโนวส์เป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน ส่วนแม่ของเธอเป็นชาวครีโอล ( แอฟริกันอเมริกัน, เนทีฟอเมริกัน , และ ฝรั่งเศส ) คุณตาและยายของเธอ ลูมิส อัลเบร์ต บียินเซ่ และ     แอกเนซ เดเรออน เป็นชาวหลุยส์เซียนาครีโอล ( เชื้อสายฝรั่งเศส-แอฟริกัน ) เธอเป็นพี่สาวของ โซลอนจ์ ซึ่งเป็นนักร้องและนักแต่งเพลง และนักแสดง โนวส์ได้ศึกษาที่โรงเรียนเซนต์มารีเอเลเมนทารีในรัฐเท็กซัส ที่เธอได้สมัครเรียนเกี่ยวกับการเต้นรำรวม ถึงบัลเลต์ และแจ๊ส ความสามารถพิเศษในการร้องเพลงได้ถูกพบโดยครูสอนเต้นของเธอเมื่อเธอเริ่มร้องเพลงตามเพลงที่เธอเต้นจนจบและสามารถร้องโน้ตสูงๆได้ โนวส์สนใจดนตรีและการร้องเพลงของเธอก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นหลังจากที่ได้เริ่มเข้าร่วมการแข่งขันภายในโรงเรียน โนวส์ขึ้นเวทีโชว์ครั้งแรกในรายการประกวดร้องเพลงแสดงความสามารถเมื่ออายุ 7 ปี และได้รับรางวัลชนะเลิศจากการร้องเพลง " อิเมจิน " ของ จอห์น เลนนอน นักร้องเพลงร็อกในตานาน ในปีเดียวกันโนวส์เริ่มได้รับความสนใจจากผู้คนมาก และยังได้รับการกล่าวถึงจากหนังสือพิมพ์ ฮิวส์ตันชอร์นิเคิล จากการที่ได้รับการเข้าชิงรางวัลเดอะโลคัลเพอร์ฟอร์มมิงอาร์ต ของ เดอะซัมมี่
ในปลายปี 1990 โนวส์ได้เข้าเรียนในโรงเรียนพาร์กเกอร์เอเลเมนทารี ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เน้นเกี่ยวกับดนตรีในฮิวสตัน และเธอก็ได้ร้องเพลงกับคณะประสานเสียงของโรงเรียนนี้ เธอยังสมัครเรียนในโรงเรียนไฮสคูลฟอร์เดอะเพอร์ฟอร์มิงแอนด์วิชัลอาร์ตสในฮิวส์ตันอีกด้วย และในภายหลังก็ได้ย้ายไปที่อลีฟเอลสิกไฮสคูลซึ่งก็ได้ตั้งอยู่ที่  ฮิวส์ตันเช่นกัน ในแถวชุมชนอลีฟ โนวส์ยังได้เป็นนักร้องนาในวงดนตรีในโบสถ์ของเธอ ซึ่งอยู่ในโบสถ์เซนต์จอห์นยูไนเต็ดเมโทดิส
เมื่ออายุได้ได้ 8 ปี โนวส์ได้พบกับ ลาทาเวีย โรเบอร์ซัน ในขณะที่มีการออดิชั่นวงดนตรีหญิงล้วนพวกเธอและเพื่อนของโนวส์ เคลลี่ โลวแลนด์ ถูกจัดให้เป็นกลุ่มที่เน้นการเต้นและร้องเพลงแร็ป ใช้ชื่อว่า เกิร์ลสไทม์ ในที่สุดพวกเขาก็ได้คัดให้เหลือสมาชิก 6 คน           ด้วยโนวส์และโรว์แลนด์ เกิร์ลสไทม์ จึงได้ดึงดูดผู้ชมทั่วประเทศเป็นอย่างมาก เวสต์ คอส โปรดิวเซอร์เพลงแนวอาร์แอนด์บี และ        อาร์น ฟราเจอร์ ได้เข้าไปในฮิวสตัน เพื่อดูแลพวกเธอ และเขาก็ได้พาพวกเธอไปยังสตูดิโอเพลงของเขา เดอะแพลนต์เรเคิดดิงสตูดิโอส์ ในภาคเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยน้าเสียงของโนวส์ ทาให้ฟราเจอร์คิดว่าเธอเป็นผู้มีบุคลิกภาพและความสามารถในการร้องเพลง ด้วยความพยายามที่จะให้เกิร์ลสไทม์เป็นกลุ่มดนตรีแนวหน้าในอุตสาหกรรมดนตรี ฟราเจอร์ได้ส่งพวกเธอไปในรายการ
เพื่อที่จะดูแลพวกเธอ พ่อของโนวส์ได้ลาออกจากงานของเขาในปี ค.ศ. 1995 เขาได้สละเวลาและจัดตั้ง " บูทแคมป์ " สาหรับการฝึกอบรมนี้ การลาออกจากงานของพ่อโนวส์ ทาให้รายได้ของครอบครัวโนวส์ได้ลดลงกว่าครึ่งและพ่อแม่ของเธอได้แยกทางกันเนื่องจากความกดดันต่างๆ ไม่นานหลังจากที่โรว์แลนด์ได้เข้ามา ในปี 1993 ได้มีสมาชิกใหม่เข้ามาในวงคือ เลโทย่า ลัคเก็ท และก็ได้คัดเหลือเพียง 4 คน ด้วยการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของแมททิว พวกเธอได้ออดิชั่นก่อนที่จะเซ็นต์สัญญากับอีเลคตราเรเคิดส
สตาร์เสรช ซึ่งเป็นรายการประกวดร้องเพลงที่ดังที่สุดในอเมริกาในขณะนั้น แต่ผลออกมาไม่ค่อยดี เพราะเพลงที่พวกเธอแสดงยังไม่ค่อยสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก โนวส์ได้กล่าวไว้ โนวส์ได้รู้สึกถึงการเสื่อมถ้อยในอาชีพของเธอเป็นครั้งแรกหลังจากที่ไม่ชนะรายการนี้ แต่เธอก็เริ่มกลับมามีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ได้เรียนรู้จาก บริตนี่ย์ สเปียร์ และ  จัสติน ทิมเบอร์เลค ที่ได้มีมีประสบการณ์เดียวกันกับพวกเธอ

Signer Of The World


Singer of The World
Beyonce


   บียอนเซ่ จิเซลล์ โนวส์

จากการอ้างอิงโดย Sony โนวส์มียอดจาหน่ายผลงานตลอดชีวิตการทางานของเธอเกินกว่า100 ล้านชุด  ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2003 ระหว่างการพักงานของ Destiny Child โนวส์ได้ออก   อัลบั้มในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นครั้งแรกกับอัลบั้ม Dangerously In Love ซึ่งนับเป็นอัลบั้มที่ประสบความสาเร็จมากที่สุดอัลบั้มหนึ่งในปีนั้น อัลบั้มนี้ประสบความสาเร็จทั้งในด้านยอดขายและด้านคาวิจารณ์ต่างๆ ทำให้มีเพลงฮิตเช่นเพลง Crazy In Love , Baby Boy และสร้างรางวัลแกรมมี่ถึง 5 สาขาให้แก่โนวส์ ต่อมา Destiny Child ก็ได้ตัดสินใจแยกวงจากเป็นทางการ หลังจากนั้นโนวส์ได้มีอัลบั้มชุดที่สอง นั่นก็คืออัลบั้ม B’Day วางขายในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งเปิดตัวอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard มีซิงเกิลฮิตอย่าง Déjà vu , Irreplaceable , และ Beautiful liar อัลบั้มเดี่ยวชุดที่ 3 ของเธอ I Am … Sasha Fierce ได้วางจาหน่ายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2008 มีซิงเกิลฮิต เช่น    If I Were A Boy , Singer Ladies( Put A Ring On It ) , Halo , และ Sweet Dream โนวส์มีซิงเกิลที่ติดอันดับ 1 อยู่ทั้งหมด 5 เพลงด้วยกัน ทาให้เธอเป็นหนึ่งในสองศิลปินหญิงที่มีเพลงติดอันดับหนึ่งมากที่สุดในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 2000 จากความสาเร็จอย่างสูงของการเป็นศิลปินเดี่ยวของโนวส์ ทำให้เธอได้รับการยกย่องให้เป็นศิลปินคนสาคัญคนหนึ่งของอุตสาหกรรมดนตรีในยุคปัจจุบัน และเธอก็ยังขยายงานอาชีพของเธอไปสู่งานทางการแสดงและเซ็นสัญญากับบริษัทสินค้าต่างๆ เธอได้เริ่มอาชีพทางการแสดงของเธอเมื่อปี  ค.ศ. 2001ใน ภาพยนตร์เพลงเรื่อง Carmen A Hip Hopera ในปี  ค.ศ. 2006 เธอได้รับบทนาในภาพยนตร์ทาใหม่ของละครบรอดเวย์ ปี 1981 เรื่อง Dream Girls และทาให้เธอได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำถึง 2 รางวัล โนวส์ได้มีธุรกิจสายงานแฟชั่นที่เธอได้ร่วมกับครอบครัว โดยใช้ชื่อว่า เฮาส์ออฟเดรเออน และได้เซ็นสัญญาเป็น พรีเซ็นเตอร์ให้กับบริษัทต่างๆ เช่น Pepsi , ทอมมี่ ฮิลฟิกเจอร์, Amarni และลอเรอัล และในปี ค.ศ. 2009 นี้ นิตยสารฟอร์บยังได้จัดอันดับให้เธออยู่ในอันดับ 4 ของคนดังที่มีอิทธิพลมากที่สุด, อันดับ 3 ของนักดนตรีที่มีรายได้มากที่สุด, และอันดับหนึ่งของคนดังอายุต่ากว่า 30 ที่มีรายได้มากที่สุด ด้วยรายได้กว่า 87 ล้านดอลลาร์สหรัฐระหว่างปี ค.ศ. 2008 – ค.ศ. 2009